จะซื้อ รถสักคัน ถามตัวเองก่อนว่า
"Need หรือ Want"
เนื่องในช่วงเวลานี้ เป็นเดือนสุดท้ายของปี 2561 เพื่อนๆหลายท่านคงทราบดีว่า เป็น ช่วงของ Motor Expo นั่นเอง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมก็เตรียมพร้อมที่จะไปดูงานนี้ด้วยครับ เนื่องจากอยากจะซื้อ Bigbike มาขี่สักคันหนึ่ง.(คันแรกในชีวิต เมื่อก่อนขี่แต่ honda tena อิิิอิ)
หลังจากที่ผมเก็บเงินมาพอที่จะซื้อสดได้ ก็ได้ฤกธิ์งามยามดี ที่จะออก รถbigbike ครับ ซึ่งผมขอบอกเลยครับ bigbike คันนี้ที่ผมจะซื้อ มันเกิดจาก กิเลสล้วนๆ ไม่ได้เกิดจากความจำเป็น ที่ต้องใช้มันเลยครับ เนื่องจาก ผมก็มีรถยนต์ใช้อยู่แล้ว
เตรียมเงินงบประมาณ ประมาณ 2แสนกว่า กะจะไปถามโปรโมชั่น ว่า ถ้าซื้อสดลดได้เท่าไหร่ พอผมไปถามเซลแต่ละที่ ปรากฏว่าทุกยี่ห้อ บอกเหมือนกันทุกที่คือ "โปรซื้อสด ไม่มีส่วนลดใดๆค่ะ/ครับ มีแต่โปร ดาวน์ 0% ดอกเบี้ย 3.75% หรือ 3.5% (แล้วแต่ยี่ห้อ)
Oh My God! เห็นเลยครับ โปรโมชั่น พวกนี้ เพื่อต้องการให้คนที่อยากได้รถ แต่มีเงินไม่พอ หรือ ไม่พร้อม มาเป็นหนี้กับธนาคาร
คำถามก็คือ แล้วใครบ้าง ที่จะพอมีสติ แยกได้บ้างว่า รถที่เราจะซื้อมาครอบครองนี่ มัน เป็น Need (จำเป็นต้องมี) หรือ Want(แค่อยากได้)
ถ้ารถ หรือ Bigbike ที่เพื่อนๆจะซื้อ มีคำตอบคือ จำเป็นต้องมี เพราะ ต้องใช้ไปทำงาน เพราะต้องเอาไว้ส่งลูก หรือ อะไรก็ตาม ที่มันจำเป็นจริงๆ ถ้าเงินที่เพื่อนๆเตรียมมันไม่พอ ก็ยังพอมีเหตุผลที่จะ ซื้อแบบผ่อน โดยภาระหนี้ต่อเดือน ไม่ควรเกิน 30%ของรายได้ แบบนี้ก็ถือว่า พอรับได้ครับ
แต่ถ้าคำตอบคือ "ก็มันอยากได้ รุ่นใหม่สวยดี รถในฝันเลย ของมันต้องมี ฯลฯ" สารพัดเหตุผล ที่ฟังแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่า ไม่มีรถพวกนี้แล้วชีวิตจะลำบาก (แบบผมนี่แหละ ที่จะซื้อ bigbikeเพราะกิเลส) ผมแนะนำว่า ถ้าจะซื้อมันควรจะซื้อเมื่อพร้อมจริงๆ คำว่าพร้อมจริงๆคือ "ซื้อสดครับ" ไม่แนะนำให้ซื้อผ่อนเด็ดขาดเลย ของที่ไม่จำเป็น ซื้อมาเมื่อไม่พร้อม รับรองลำบากแน่ในอนาคตครับ
หลักการบริหารการเงินที่ถูกต้อง ควรจะมีการทำบัญชี "งบดุล" หรือ บัญชี ทรัพย์สิน หนี้สิน
รถที่ยังผ่อนอยู่ถือเป็นหนี้สิน รถที่ผ่อนหมดแล้ว หรือ ที่ซื้อสดมาคือทรัพย์สิน อันนี้ต้องแยกให้ออกนะครับ
สรุปก็คือ ถ้าเป็นของ ที่ Need ซื้อผ่อนได้ แต่ยอดผ่อนต้องไม่เกิน 30%ของรายได้ แต่ถ้าของเป็นแค่ Want ซื้อสด only ครับ
รักนะถึงเตือนจ้า อย่าเป็นทาสการตลาดนะครับ
#นิรนามเทรดเดอร์ "มีสติก็จะมีสตางค์"